ควรรู้! ถอนผมหงอกบ่อยๆ เสี่ยงหัวล้านแบบไม่รู้ตัว
เส้นผมมีส่วนสำคัญในการเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจ เพราะฉะนั้นแค่ปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือศีรษะล้านก็ทำให้คนขาดความมั่นใจมากพออยู่แล้ว ยังมีปัญหา ‘ผมหงอก’ หรือเส้นผมสีขาวเข้ามาสร้างความหนักใจเพิ่มขึ้นอีก และทันทีที่คุณเริ่มสังเกตว่าบนหนังศีรษะเริ่มมีผมหงอกขึ้นมาแซม สิ่งแรกที่คุณทำคือการถอนผมหงอกทิ้งไปเพื่อตัดความรำคาญ แต่รู้หรือไม่ว่าการถอนผมหงอกด้วยตัวเองตรงบริเวณเดิมซ้ำ ๆ มักทำให้ผมบริเวณดังกล่าวบางและหัวล้านได้ในอนาคต หากใครไม่อยากถอนผมหงอกจนหัวล้าน มาดูกันดีกว่าว่าสาเหตุจริง ๆ ของผมหงอกคืออะไร รู้ไว้จะได้แก้ไขได้อย่างตรงจุด
ผมหงอกเกิดจากอะไร? รู้ไว้แก้ไขได้ทันเวลา
ในทางการแพทย์ได้ให้คำอธิบายเกี่ยวกับผมหงอกเอาไว้ว่า (อ้างอิง คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี) ผมหงอกเกิดมาจากเม็ดสีเมลานินของเส้นผมที่มีประสิทธิภาพลดลง หรือหยุดทำงานแบบถาวร จนทำให้ผมเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว หยาบกระด้าง และดูไร้น้ำหนัก โดยคนเอเชียส่วนใหญ่มักมีผมหงอกครั้งแรกในช่วงอายุ 30 – 40 ปี ผมหงอกที่เกิดขึ้นในวัยนี้จะเป็นผมหงอกที่ไม่สามารถกลับไปดำได้ตามปกติอีกแล้ว นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องผมหงอกก่อนวัย โดยมีสาเหตุดังนี้
1. กรรมพันธุ์
2. ความเครียด ความกังวล
3. การดื่มเหล้าและสูบบุหรี่
4. ป่วยเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันต่อร่างกาย
5. โรคเรื้อรังที่ทำให้เกิดความเครียด เช่น โรคเบาหวาน โรคโลหิตจาง โรคด่างขาว เป็นต้น
6. โรคเกี่ยวกับระบบประสาท
ที่สำคัญไม่ได้มีแค่ปัญหาผมร่วงเพราะขาดวิตามินเท่านั้น แต่ปัญหาผมหงอกก็เกิดจากการขาดวิตามิน หรือขาดสารอาหารบางตัว เช่น วิตามินบี 12 ธาตุเหล็ก Zinc และกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของเส้นผมและมีผลต่อการสร้างเซลล์เม็ดสีในเส้นผม ซึ่งแน่นอนว่าทันทีที่เส้นผมเส้นหนึ่งเริ่มเปลี่ยนเป็นผมหงอก หรือกลายเป็นแกะขาวที่อยู่ท่ามกลางฝูงแกะดำ คนเรามักลงเอยด้วยการดึงหรือถอนออกไป เพราะคิดว่าการไร้ผมขาวบนหัวช่วยเสริมบุคลิกภาพได้ดีกว่า ซึ่งนั่นถือเป็นพฤติกรรมที่ผิดอย่างมาก เพราะการถอนผมบริเวณเดิมซ้ำ ๆ จะทำให้เส้นผมเข้าสู่ระยะสุดท้าย (Telogen Phase) ของวงจรเส้นผม ทำให้รูขุมขนบริเวณนั้นไม่สามารถผลิตเส้นผมใหม่ได้อีกต่อไป จนเป็นเหตุทำให้ผมบางและหัวล้านได้ในที่สุด ดังนั้นใครไม่อยากหัวล้านก่อนวัยอันควร ต้องเลิกพฤติกรรมดังกล่าวตั้งแต่เนิ่น ๆ
แต่หากถามถึงวิธีทำให้ผมไม่หงอก คำตอบคือ ‘ไม่มี’ เพราะด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้น บวกกับปัจจัยต่าง ๆ ผมหงอกนับเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งตามธรรมชาติของมนุษย์ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ข้อห้ามสำคัญคือ ‘ห้ามถอนผมหงอก’ เด็ดขาด! หนทางที่พอทำได้คือการย้อมปิดผมขาว ตัดแต่งผมขาว หรือปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติแล้วเรียนรู้ที่จะอยู่กับการเปลี่ยนแปลง
ถอนผมหงอกบ่อยเสี่ยงหัวล้าน ปลูกผมเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
บางคนอาจไม่รู้มาก่อนว่าการถอนผมหงอกตรงบริเวณเดิมซ้ำ ๆ เป็นปัจจัยที่ทำให้ผมบางลง รู้ตัวอีกทีเส้นผมที่มีก็เริ่มบางลงอย่างเห็นได้ชัด ซ้ำร้ายอาจถึงขั้นหัวล้านเป็นหย่อม ๆ ที่ทำให้เสียความมั่นใจเสียแล้ว หากเป็นเช่นนั้นหนทางที่สามารถช่วยได้คือการเข้ารับการปลูกผม ที่เป็นนวัตกรรมศัลยกรรมหนังศีรษะที่ช่วยให้เส้นผมกลับมาดกหนาได้อีกครั้ง โดยที่ The Skin Clinic ให้บริการปลูกผม 5 เทคนิค ที่ปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ตามต้องการ
Long Hair FUE
Long Hair FUE เป็นเทคนิคปลูกผมที่ได้รับความนิยม เพราะไม่ต้องโกนผม ไม่ต้องตัดผมสั้น แต่ใช้เป็นการย้ายเซลล์รากผมจากบริเวณท้ายทอยมาปักลงตรงบริเวณที่มีปัญหาแทน ซึ่งเทคนิคนี้ช่วยให้ปลูกผมได้ทั้ง ๆ ที่ผมยังยาว ให้ประสิทธิภาพดีกว่าการปลูกผม FUE ทั่วไป ไร้รอยแผล ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และเห็นความหนาของเส้นผมได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
Long Hair FUE + DHI
เป็นการปลูกผม Long Hair FUE ด้วยเครื่องมือพิเศษ DHI Implanter อุปกรณ์เฉพาะทางสำหรับการย้ายเซลล์รากผม วิธีนี้แพทย์สามารถควบคุมความลึกและทิศทางของรากผมได้ดี ช่วยให้ผมปลูกใหม่เรียงเป็นแนวเดียวกันตามผมธรรมชาติ หัวเจาะขนาดเล็กเพียง 0.6 – 0.8 mm. เท่านั้น ทำให้แผลเล็กมาก หายไว และไม่ต้องพักฟื้น
Long Hair FUI
สำหรับ Long Hair FUI เป็นการปลูกผมที่ดึงเอาจุดเด่นของ Long Hair FUE ปลูกผมแบบเส้นยาว มาทำงานร่วมกันกับปากกาพิเศษ Direct Hair Implanter หัวเจาะขนาดเล็กที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการโหลดกราฟผม และปักกราฟผม ช่วยให้แพทย์สามารถดำเนินการปลูกผมได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ช่วยให้ผมมีความเป็นธรรมชาติและได้แนวผมใหม่ตามต้องการ นอกจากนี้ Long Hair FUI ยังเป็นเทคนิคที่ช่วยปลูกหนวด ปลูกเครา และปลูกจอนผมได้อีกด้วย
แม้ว่าปัญหาหัวล้านจากการถอนหงอกสามารถเข้ารับการปลูกผมเพื่อแก้ไขปัญหาได้ แต่ถึงอย่างไรผู้เข้ารับการรักษา จำเป็นต้องมีเส้นผมบริเวณท้ายทอยหลงเหลืออยู่ เนื่องจากผมบริเวณท้ายทอยเป็นส่วนที่มีความแข็งแรงและไม่ไวต่อฮอร์โมน จึงเหมาะสำหรับการย้ายเซลล์รากผมไปปลูกตรงบริเวณที่ต้องการ ทั้งนี้หากคนไข้มีผมบริเวณท้ายทอยเหลือน้อย หรือไม่มีเหลืออยู่เลย จำเป็นต้องเข้ารับการกระตุ้นรากผมด้วยการฉีดไขมันกระตุ้นรากผม ALMI หรือ ฉีดสเต็มเซลล์ RIGENERA บำรุงเส้นผมเสียก่อน
ฉีดไขมันกระตุ้นรากผม ALMI
สำหรับ ALMI Nano Fat Transfer เป็นการฉีดกระตุ้นรากผม ด้วยการใช้ไขมันตัวเองที่แพทย์จะดูดมาจากไขมันส่วนเกินในร่างกาย เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา ฯลฯ จากนั้นนำไขมันที่ได้ไปผ่านการสกัด 4 ขั้นตอน เพื่อให้ได้เซลล์ไขมันที่สมบูรณ์และแข็งแรงที่สุด จากนั้นนำไปฉีดตรงบริเวณที่มีปัญหาเส้นผม เพื่อให้รากผมมีความแข็งแรง ผมดกหนา และงอกขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
ฉีดสเต็มเซลล์ RIGENERA
เป็นเทคนิคการคัดแยกเนื้อเยื่อจากหนังศีรษะด้านหลังด้วยเครื่อง RIGENERA นำเข้าจากประเทศอิตาลี โดยเนื้อเยื่อที่ถูกคัดแยกออกมา จะถูกนำไปใช้สำหรับการสร้างแนวผมใหม่ตรงบริเวณที่ต้องการ เป็นเนื้อเยื่อที่มีความแข็งแรง ไม่ไวต่อฮอร์โมน ทั้งยังช่วยกระตุ้นให้รากผมแตกตัวและงอกเป็นเส้นผมใหม่จำนวนมาก
นอกจากนี้ที่ The Skin Clinic ยังมีอีกทางเลือกในการดูแลเส้นผมให้แข็งแรง ดกหนา และบอกลาผมหงอก ด้วยเซ็ตผลิตภัณฑ์ดูแลผม Dr.Story ปราศจากสารเคมี ไม่อันตราย ช่วยให้เส้นผมกลับมามีสุขภาพดีอีกครั้ง (ไม่ใช่การปลูกผม) โดยในเซ็ตผลิตภัณฑ์ดูแลผม Dr.Story ประกอบด้วย
– Hair Serum ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม ช่วยให้เส้นผมได้รับการบำรุง กระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม และป้องกันอาการคันศีรษะ
– Hair Tonic ผลิตภัณฑ์สำหรับการเปลี่ยนผมขาวให้เป็นผมดำแบบไม่ต้องย้อมผม ปลอดภัย ไร้ผลข้างเคียง ช่วยสร้างความแข็งแรงให้เส้นผมและรากผม นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันรังแคบนหนังศีรษะอีกด้วย
– Shampoo แชมพูทำความสะอาดหนังศีรษะและเส้นผม สกัดมาจากสารสกัดธรรมชาติจากประเทศเกาหลี ป้องกันอาการคันจากรังแค บำรุงเส้นผมและรากผมให้แข็งแรง ลดอาการหลุดร่วง
หากคุณมีปัญหาเรื่องหนังศีรษะไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม อาทิ ผมร่วง ผมบาง ผมหงอก หรือหัวล้าน The Skin Clinic ยินดีให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปลูกผมด้วยเทคนิคการรักษาที่ทันสมัย ปลอดภัย ได้มาตรฐาน และเหมาะกับปัญหาของแต่ละบุคคล หากสนใจสามารถสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ ผ่านทาง LINE ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
READ MORE>>>
