จริงไหม? ดึงผมตัวเองบ่อยเสี่ยงหัวล้านถาวร
ยอมรับเลยว่าสภาพแวดล้อมต่าง ๆ รอบตัว มักเป็นสิ่งเร้าที่กระตุ้นให้คนเกิดความเครียดและความกังวลได้ง่ายขึ้น นั่นจึงทำให้หลายคนตกอยู่ในโรคทางจิตเวชแบบไม่รู้ตัว ที่เข้าใจผิดคิดว่าพฤติกรรมต่าง ๆ ที่แสดงออกมา เป็นเพียงพฤติกรรมทั่วไปที่ไม่ได้ส่งผลทางด้านลบต่อชีวิต โดยหนึ่งในโรคทางจิตเวชที่พบได้บ่อยในปัจจุบันคือ ‘โรคดึงผมตัวเอง’ ที่ผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ และยิ่งเพิ่มความเครียดอีกครั้ง เมื่อสังเกตเห็นว่าผมบริเวณที่ดึงเริ่มมีอาการหัวล้านเป็นหย่อม ๆ หรือดึงผมจนหัวล้านแทบจะทั้งหมดแล้ว
ดังนั้น คงไม่ใช่เรื่องดีนักหากคุณจะปล่อยปัญหานี้เอาไว้แบบเรื้อรัง เพราะมันไม่ได้ส่งผลต่อสภาพจิตใจและอารมณ์เท่านั้น แต่โรคดึงผมตัวเองยังเป็นปัญหาที่ทำลายบุคลิกภาพ รูปลักษณ์ และความมั่นใจได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นก่อนเข้ารับการรักษาให้เส้นผมกลับมาอยู่ในสภาพเดิม มาเช็คข้อมูลให้แน่ใจก่อนดีกว่าว่าโรคดึงผมตัวเอง เกิดจากอะไร? แล้วคุณมีความเสี่ยงต่อโรคนี้หรือไม่

โรคดึงผมตัวเองเกิดจากสาเหตุอะไร?
โรคดึงผมตนเอง (Trichotillomania) เป็นโรคผมร่วงชนิดหนึ่งที่เกิดมาจากการดึงหรือถอนผมตัวเอง สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งจากความตั้งใจและไม่ตั้งใจ ที่สำคัญยังพบได้ในคนทุกเพศทุกวัย แม้ในวัยเด็กอาการอาจไม่รุนแรงนัก แต่หากปล่อยไว้จนถึงวัยผู้ใหญ่จะทำให้มีอาการเรื้อรัง เสี่ยงดึงผมตัวเองจนหัวล้าน และรักษาได้ยาก โดยพฤติกรรมการถอนผมเกิดมาจากการที่ผู้ป่วยรู้สึกไม่สบายหนังศีรษะ คัน หรือรู้สึกว่าเส้นผมไม่ตรงเรียบจนอยากดึงออก เมื่อได้ถอนผมแล้วจะรู้สึกสบายใจและโล่งใจขึ้น โดยปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้นโรคดึงผมตัวเอง (อ้างอิง Rama Channel) มีดังนี้
1. โรคทางจิตเวช เช่น โรคย้ำคิดย้ำทำ ภาวะซึมเศร้า
2. เกิดจากพันธุกรรมหรือสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคดึงผมเหมือนกัน
3. ความผิดปกติทางสมองและสารเคมีในสมอง
4. ผู้ป่วยสมาธิสั้น
5. มีความเครียดและเลือกขจัดความเครียดด้วยการถอนผม
6. มีปัญหาด้านการเข้าสังคม
ดังนั้น หากใครที่รู้ตัวว่าชอบดึงผมตัวเอง หรือมีคนรอบข้างเริ่มทักว่าคุณมีพฤติกรรมดังกล่าว ทางแก้ไขที่ดีที่สุดสำหรับโรคดึงผมตัวเองคือให้เข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธี เพื่อให้แพทย์ประเมินอาการและหาความผิดปกติทางจิตที่อาจมีร่วมด้วย ที่สำคัญตัวคุณเองต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมประจำวันด้วยเช่นกัน หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้รู้สึกอยากถอนผม เช่น ความเครียด ความกังวล และอื่น ๆ หากทำได้ปัญหาที่เผชิญจะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ
หัวล้านเป็นหย่อมเพราะโรคดึงผม ปลูกผมได้หรือไม่?
หลายคนตั้งคำถามว่าดึงผมตัวเอง ผมจะขึ้นไหม? คำตอบคือเส้นผมสามารถขึ้นใหม่ได้อีกครั้ง เนื่องจากหนังศีรษะของคนเรามีรูขุมขนประมาณ 100,000 รูขุมขน ที่ทำหน้าที่ผลิตเส้นขนใหม่แทนที่เส้นขนเก่าที่หลุดร่วงออกไป แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเส้นผมจะขึ้นได้ใหม่แบบไม่จำกัด เพราะหากมีอาการผมร่วงหรือมีการถอนผมตรงบริเวณเดิมซ้ำ ๆ นอกจากจะทำให้รูขุมขนได้รับความเสียหายแล้ว หากมีปัจจัยเรื่องอายุหรือปัญหาด้านสุขภาพเข้ามาเกี่ยวข้อง อาจทำให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะหยุดผลิตเส้นผม จนท้ายที่สุดเส้นผมบริเวณดังกล่าวจะหลุดร่วงไปแบบถาวร (อ้างอิง healthline)

โดยทางเลือกของคนที่เผชิญหน้าปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือหัวล้านคือเข้ารับการปลูกผมด้วยเทคนิคต่าง ๆ ที่ทาง The Skin Clinic ให้บริการ ได้แก่ เทคนิค Long Hair FUE FUE + DHI และ Long Hair FUI นั่นจึงทำให้คนตั้งข้อสงสัยว่านอกจากคนทั่วไปสามารถเข้ารับการปลูกผมได้ แล้วกลุ่มผู้ป่วยโรคดึงผม (จนหัวล้าน) สามารถเข้ารับการปลูกผมเทคนิคต่าง ๆ ได้หรือไม่? คำตอบคือ ‘ได้’ แต่ทั้งนี้คนไข้ที่เข้ารับการปลูกผมจำเป็นต้องมีผมตรงบริเวณท้ายทอยหลงเหลืออยู่ เพื่อให้เพียงพอต่อการย้ายเซลล์รากผม แต่หากใครที่ไม่มีผมท้ายทอยหลงเหลืออยู่เลย หรือมีเพียงไรผมอ่อน ๆ แนะนำให้ทำการกระตุ้นรากผมด้วยเทคนิค ALMI Nano Fat Transfer เสียก่อน
ALMI Nano Fat Transfer
สำหรับ ALMI Nano Fat Transfer เป็นการกระตุ้นรากผมด้วยไขมันตัวเอง โดยไขมันที่ได้แพทย์จะดูดมาจากไขมันส่วนเกินตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายผู้เข้ารับการรักษา เช่น ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง สะโพก ฯลฯ จากนั้นนำมาผ่านการสกัด 4 ขั้นตอน เพื่อให้ได้ไขมันที่แข็งแรงและมีคุณภาพ จากนั้นนำกลับไปฉีดบริเวณหนังศีรษะเพื่อกระตุ้นรากผมให้มีความแข็งแรง ดกหนา งอกขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เจ็บ ไม่มีแผลเป็น และทันทีที่มีเส้นผมงอกใหม่ จึงจะสามารถนำเซลล์ผมจากบริเวณดังกล่าวไปปลูกเพื่อแก้ไขปัญหาหัวล้านได้นั่นเอง
ข้อควรรู้ : เส้นผมบริเวณท้ายทอยเป็นเส้นผมที่แข็งแรงที่สุด ไม่ไวต่อฮอร์โมน และช่วยป้องกันการหลุดร่วงในอนาคตได้ดี
นอกจากเทคนิค ALMI Nano Fat Transfer ที่ช่วยกระตุ้นรากผมได้แล้ว ที่ The Skin Clinic ยังมีนวัตกรรมดูแลเส้นผมเพิ่มเติม คือ ฉีดสเต็มเซลล์ RIGENERA และเซ็ตผลิตภัณฑ์ดูแลผม Dr.Story เป็นทางเลือกในการดูแลผมให้กับคนไข้
ฉีดสเต็มเซลล์ RIGENERA
RIGENERA เป็นเครื่องมือที่นำเข้าจากประเทศอิตาลี ใช้สำหรับการคัดแยกเนื้อเยื่อจากหนังศีรษะด้านหลัง เพื่อนำไปสร้างเป็นแนวผมใหม่ตามต้องการ โดยรากผมที่ถูกสกัดออกมาจะช่วยป้องกันผลกระทบจากฮอร์โมนเพศชาย กระตุ้นให้รากผมแตกตัวและเจริญเติบโตเป็นเส้นผมใหม่จำนวนมาก เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง และหัวล้านกลางหัว
เซ็ตผลิตภัณฑ์ดูแลผม Dr.Story
ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง ลดการหลุดร่วง (ไม่ใช่น้ำยาปลูกผม) ตอบโจทย์สำหรับคนที่มีปัญหาเส้นผมกวนใจ ในเซ็ตผลิตภัณฑ์ดูแลผม Dr.Story ประกอบด้วย
– Hair Serum ลดการหลุดร่วงของเส้นผม ป้องกันอาการคันศีรษะ และกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม
– Hair Tonic เปลี่ยนผมขาวให้เป็นผมดำแบบไม่ต้องย้อมผม ไม่เป็นอันตราย ป้องกันรังแค และช่วยสร้างความแข็งแรงให้รากผมและเส้นผม
– Shampoo แชมพูทำความสะอาดหนังศีรษะและเส้นผม ปลอดภัยด้วยสารสกัดธรรมชาติจากประเทศเกาหลี ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม และป้องกันอาการคันที่เกิดจากรังแค
หากใครมีปัญหาเรื่องหนังศีรษะ ผมร่วง ผมบาง หัวล้าน สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านทาง LINE ได้ฟรี โดยทีมแพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปลูกผม หรือเทคนิคการดูแลเส้นผมที่เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละคน รับรองว่าปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ตามความต้องการแน่นอน
ขอบคุณรูปภาพจาก : www.psychologytoday.com
READ MORE>>>