หัวล้านมีชื่อเรียกแบบไหนบ้าง? รู้ไว้แก้ไขตรงจุด
“หัวล้าน” ปัญหาใหญ่ที่พูดเบา ๆ ก็เจ็บจี๊ดไปถึงขั้วหัวใจ มิหนำซ้ำบางคนยังถูกล้อเลียนจากคนใกล้ตัว จนทำให้วิตกกังวลและเสียความมั่นใจอยู่ไม่น้อย ถึงอย่างไรแม้ว่าผู้หญิงและผู้ชายจะมีปัญหาผมร่วงผมบางเหมือนกัน แต่รู้หรือไม่ว่าภาวะผมร่วงจากฮอร์โมน ที่ส่งผลทำให้เส้นผมมีขนาดเล็กลง และค่อย ๆ หายไปจากหนังศีรษะจนกลายเป็นหัวล้าน จะเกิดขึ้นกับผู้ชายมากกว่า ดังนั้นผู้ชายจึงมีความเสี่ยงหัวล้านได้มากกว่าผู้หญิ’ นอกจากนี้แล้วสาเหตุหัวล้านยังมีอีกหลายสาเหตุ เช่น พันธุกรรม พฤติกรรมทำร้ายเส้นผม การรับประทานอาหาร การเจ็บป่วย เป็นต้น
แต่หากใครที่มีปัญหาหัวล้าน หรือเห็นคนรอบตัวหัวล้าน เคยสังเกตหรือไม่ว่าแต่ละคนมีลักษณะหัวล้านที่ต่างกัน บางคนผมบางกลางหัว หน้าผากเถิก หัวล้านรูปตัว M และอื่น ๆ วันนี้ The Skin Clinic พาทุกคนไขคำตอบหัวล้านมีกี่แบบ? พร้อมแนะนำเทคนิคปลูกผมที่ช่วยสยบปัญหาหัวล้านกวนใจได้อยู่หมัด
ชื่อเรียกหัวล้านแบบไทยที่เกิดจากกรรมพันธุ์
หลายคนอาจพอทราบกันมาบ้างว่าตามหลักสากลแล้ว จะมีระบบการวัดหัวล้านที่เรียกว่า Norwood Scales สำหรับผู้ชายและ Ludwig Scales สำหรับผู้หญิง ที่ไว้ใช้สำหรับการอธิบายความรุนแรงของการสูญเสียเส้นผม แต่สำหรับคนไทยแล้วจะมีการจำแนกหัวล้าน 7 แบบ และอย่างที่รู้กันว่าคนไทยเป็นเจ้าบทเจ้ากลอน ดังนั้นการตั้งชื่อหัวล้าน 7 แบบจึงมีชื่อที่คล้องจองกัน ดังนี้
1. ทุ่งหมาหลง
เป็นลักษณะหัวล้านเตียนไปหมดทั้งหัว แต่จะมีผมขึ้นตรงบริเวณกกหู ตีนผม และมาจรดกันตรงบริเวณท้ายทอยเท่านั้น โดยหัวล้านลักษณะนี้เปรียบเสมือนทุ่งที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ หากเอาสุนัขขึ้นไปก็อาจหลงทิศหลงทาง ไม่รู้จะไปทางไหน นั่นจึงกลายเป็นชื่อเรียกทุ่งหมาหลงนั่นเอง

2. ดงช้างข้าม
มีลักษณะหัวล้านตรงกลาง แต่ยังพอเห็นแนวผมตรงบริเวณกกหูวนไปจนถึงท้ายทอยชัดกว่าทุ่งหมาหลง และเปรียบเทียบพื้นที่ว่างตรงนั้นเป็นดงกว้าง ที่มีป่าหรือเส้นผมขนาบทั้งสองข้างเอาไว้ และทำให้สัตว์ใหญ่อย่างช้างมองเห็นป่าอีกข้างจนสามารถเดินข้ามไปอีกฝั่งได้
3. ง่ามเทโพ
ลักษณะผมบริเวณขมับทั้งสองข้างเถิกขึ้นไปด้านหลังเยอะมาก หน้าผากสูงร่นมากกว่าปกติ และมีส่วนแหลมยื่นออกมาตรงกลางเป็นง่าม ที่มองดูแล้วลักษณะจะคล้าย ๆ กับหน้าผากตัว M โดยคนสมัยก่อน เปรียบเทียบว่าผมลักษณะนี้คล้ายกับกระดูกหัวปลาเทโพ จึงถูกเรียกว่าหัวล้านง่ามเทโพ แต่หัวล้านลักษณะนี้หากดูแลรักษารากผมดี ๆ จะช่วยลดอาการล้านเพิ่มในอนาคตได้
4. ชะโดตีแปลง
ลักษณะผมบางตรงกลางหัว และมีด้านข้างแบบประปราย เปรียบเสมือนแอ่งน้ำที่มีขนาดกว้างพอให้ปลาชะโดว่ายน้ำเล่น หากมองจากด้านบนจะเห็นเป็นลักษณะหัวล้านวงกลมอย่างชัดเจน (แต่ยังมีเส้นผมบาง ๆ กระจายอยู่บ้าง)
5. แร้งกระพือปีก
ลักษณะผมจะล้านเถิกตั้งแต่ด้านหน้าไปจนถึงด้านหลัง มีผมตรงบริเวณกกหูจนถึงท้ายทอยอยู่บ้าง แต่ตรงกลางมีผมขึ้นเป็นกระจุก ที่มองเผิน ๆ จะเห็นเป็นลักษณะเหมือนแร้งกำลังกระพือปีกอยู่
6. ฉีกหางฟาด
สำหรับหัวล้านแบบฉีกหางฟาด หรือบางตำราเรียกฉีกขวานฟาด จะมีความคล้ายกับหัวล้านแบบดงช้างข้าม เพียงแต่หัวล้านแบบนี้จะไม่ได้ล้านเตียน ยังมีผมบาง ๆ ขึ้นอยู่ตรงกลางศีรษะ หัวล้านลักษณะนี้จะไม่ได้รุนแรงมาก หากทำการรักษาดี ๆ มีโอกาสที่เส้นผมจะกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง

7. ราชคลึงเครา
ราชคลึงเคราหรือหัวล้านขุนช้าง เป็นลักษณะที่แตกต่างไปจาก 6 แบบหัวล้านข้างต้น เนื่องจากเป็นหัวล้านที่ไม่มีเส้นผมบนหนังศีรษะกลางหัวเลย แต่กลับมีหนวดเคราและขนหน้าอกที่เยอะกว่าปกติ โดยคนเปรียบเหมือนพระราชาที่มีหนวดเคราและมีนิสัยชอบสางเครา หากนึกไม่ออกว่าทรงผมเป็นลักษณะไหน ให้นึกถึงภาพของขุนช้าง ตัวละครหนึ่งในวรรณคดีไทยเรื่องขุนช้างขุนแผน
หมายเหตุ : ชื่อเรียก 7 แบบหัวล้านข้างต้น เป็นเพียงชื่อเรียกของคนภาคกลางเท่านั้น สำหรับภาคอื่น จะมีชื่อเรียกที่ต่างกัน
ลักษณะหัวล้านทั้ง 7 แบบ สาเหตุส่วนใหญ่มักเกิดมาจากพันธุกรรมทั้งสิ้น และอย่างที่รู้กันว่าปัญหาหัวล้านจากพันธุกรรม เป็นปัญหาที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ดังนั้นใครที่มีต้นตระกูลหัวล้าน ผมบาง คงทำได้เพียงแค่รอเวลาให้เส้นผมบางลงเท่านั้น จะเกิดเร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมประจำวันของแต่ละคน แต่ทุกคนอย่าเพิ่งถอดใจ เพราะปัจจุบันมีวิธีแก้หัวล้านอย่างได้ผล นั่นคือ “ปลูกผม” ด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ปลอดภัย โดย The Skin Clinic ให้บริการปลูกผมและมีนวัตกรรมปลูกผมแบบไม่ต้องผ่าตัดให้บริการ ที่รับรองว่าช่วยสยบปัญหาผมร่วง ผมบาง และหัวล้านได้แน่นอน
อย่าปล่อยให้หัวล้านกวนใจ แก้ด้วยนวัตกรรมปลูกผม ที่ The Skin Clinic
ปัญหาเกี่ยวกับเส้นผมของแต่ละคนมีความแตกต่าง เพราะบางคนอาจมีเพียงปัญหาผมร่วงหนักมาก แต่ยังคงมีเส้นผมหลงเหลืออยู่บนหนังศีรษะ (เพียงแค่ผมบางลงเท่านั้น) หากเป็นเช่นนี้สามารถเข้ารับการปลูกผมเทคนิคต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากเผชิญหน้าปัญหาเส้นผมเหลือน้อยบาง หรือหัวล้านมันไม่มีเส้นผมเหลืออยู่เลย จำเป็นต้องได้รับการบำรุงหนังศีรษะเพื่อเตรียมความพร้อมก่อน จึงจะสามารถเข้ารับการปลูกผมได้ ดังนั้น The Skin Clinic จึงมีทางเลือกการดูแลเส้นผมหลายวิธี โดยแพทย์จะพิจารณาปัญหาเส้นผมของแต่ละบุคคล เลือกนวัตกรรมให้เหมาะกับปัญหา และตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้มากที่สุด
FRM Anti-Hair Loss รักษาผมร่วง ผมบาง
เริ่มกันด้วยเทคนิคการแก้ไขปัญหาหัวล้านแบบไม่ต้องรับการปลูกผม FRM Anti-Hair Loss ที่เป็นการกระตุ้นรากผมด้วยพลังงานคลื่นวิทยุ Radio Frequency ที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดโดยตรงและดีต่อต่อมรากผม สามารถปรับระดับความลึกได้ถึง 1.5 mm. ช่วยกระตุ้นรากผมที่ฝ่อเส้นเล็กให้อวบหนาขึ้น อีกทั้งการกระตุ้นรากผมด้วยคลื่นวิทยุ ยังเป็นการเปิดผิวหนังด้านบนหนังศีรษะ เพื่อช่วยให้การฉีด Premium Growth กระจายตัวได้ดีและดูดซึมได้มากขึ้น ไม่ทำลายรากผมด้านบน ไม่ต้องฉีดยาชา ไม่มีแผลเป็น
โปรโมชั่นตอนนี้ : FRM Anti-Hair Loss ราคา 3,999 บาท จากราคาปกติ 9,999 บาท
ALMI Nano Fat กระตุ้นรากผมด้วยเซลล์ไขมันตัวเอง
ALMI Nano Fat เป็นการกระตุ้นรากผมด้วยไขมันตัวเอง ช่วยกระตุ้นการสร้างรากไขมันใหม่ด้วยไขมัน เป็นเทคนิคพิเศษจากฝรั่งเศสที่มีความปลอดภัย ลดความเสี่ยงต่ออาการแพ้ ช่วยเพิ่มความหนาของเส้นผมบนหนังศีรษะ และช่วยลดการขาดร่วงของเส้นผมได้ดี เจ็บน้อย ไม่ต้องพักฟื้น ใช้เวลาทำเพียงแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น
โปรโมชั่นตอนนี้ : ALMI Nano Fat ราคา 30,000 บาท จากราคาปกติ 50,000 บาท
RIGENERA Cell Micrograft Hair ฉีดสเต็มเซลล์ปลูกผม
ฉีดเสต็มเซลล์ปลูกผม หรือการกระตุ้นรากผมโดยสกัดจากรากผมของตัวเอง ผ่านการใช้เครื่องสกัดพิเศษ เครื่อง RIGENERA นำเข้าจากประเทศอิตาลี ที่ช่วยในการสกัด Growth Factor จากรากผมของตัวเอง จากนั้นนำกลับมาฉีดตรงบริเวณที่ต้องการ เป็นเทคนิคการกระตุ้นรากผมแบบเร่งด่วนที่มีความปลอดภัย เส้นผมหนาดกดำ ลดผมขาดหลุดร่วงได้ดี ไม่เสียเวลาพักฟื้น และใช้เวลาในการรักษาเพียง 1 ชั่วโมง 30 นาทีเท่านั้น
โปรโมชั่นตอนนี้ : RIGENERA Cell Micrograft Hair ราคา 50,000 บาท จากราคาปกติ 80,000 บาท
หรือเลือกโปรโมชั่น 3 พลังเร่งผมหนาเห็นผมไวที่เหนือกว่า ด้วยประสิทธิภาพสูงสุดผ่าน 3 นวัตกรรมการปลูกผมแบบไม่ต้องผ่าตัด FRM Anti-Hair Loss + ALMI Nano Fat Hair + RIGENERA Cell Micrograft Hair รักษาเร่งด่วนทุกปัญหาเส้นผม ราคา 80,000 บาท จากราคาปกติ 120,000 บาท
ปลูกผมเทคนิค Long Hair FUE
Long Hair FUE เทคนิคปลูกผมที่ได้รับความนิยมในปี 2022 เป็นการปลูกผมแบบไม่ต้องโกนผม ไม่ต้องตัดผมสั้น และไม่มีรอยแผลเป็น โดยแพทย์จะใช้วิธีการเจาะเส้นผม เพื่อดึงเส้นผมที่เป็นเส้นยาวมาปักลงบริเวณที่มีปัญหา ใช้เครื่องมือหัวเจาะพิเศษขนาดเล็กทำให้ไม่เห็นรอยแผลกวนใจ เรียกอีกอย่างว่าเทคนิคปลูกผม Celebrity Hair Transplant หลังทำคนไข้จะเห็นความหนาเส้นผม และแนวผมที่เป็นธรรมชาติทันที
โปรโมชั่นตอนนี้ : ปลูกผมเทคนิค Long Hair FUE ที่ The Skin Clinic สิทธิพิเศษผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน ผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ มีรับประกันหลังทำ ดูแลหลังทำให้นาน 1 ปี และฟรีเซ็ตยากินยาทาตลอด 6 เดือน
ปลูกผมเทคนิค DHI
ปลูกผมเทคนิค DHI เป็นการปลูกผมด้วยเครื่องมือพิเศษ DHI Implanter ที่ใช้สำหรับการปักและปลูกผมภายในครั้งเดียว โดยเครื่องมือดังกล่าวช่วยให้แพทย์สามารถลงมือปลูกผมได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังสามารถควบคุมทิศทาง มุม และความลึกของรากผมได้อย่างเหมาะสม ช่วยให้เส้นผมที่ปลูกใหม่เรียงตัวสวย ไม่โป๊ะ เป็นธรรมชาติ แผลขนาดเล็กมาก ไม่มีแผลเป็นหลังการทำ เหมาะมากสำหรับผู้ที่มีปัญหาหัวล้าน
โปรโมชั่นตอนนี้ : ปลูกผมเทคนิค DHI ที่ The Skin Clinic ราคาเริ่มต้น 80,000 บาท ฟรีเซ็ตยากินยาทาให้ 6 เดือน ฟรี Treatment กระตุ้นรากผม 1 ครั้ง มูลค่า 25,000 บาท พร้อมดูแลหลังทำให้ 1 ปี และผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน ผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ
ปลูกผมเทคนิค Advance FUI
ปลูกผม Advance FUI เป็นเทคนิคปลูกผมที่ผสานระหว่างการปลูกผม FUE และ DHI โดยแพทย์จะใช้เครื่องเฉพาะทางที่เรียกว่าปากกา DHI Implanter (Direct Hair Implanter) หรือปากกาหัวเจาะขนาดเล็กมาก เพื่อใช้ในการโหลดกราฟผมและนำเส้นผมกลับไปปลูกตรงบริเวณที่มีปัญหา โดยวิธีนี้นอกจากจะควบคุมทิศทางเส้นผมได้ดีแล้ว ยังช่วยให้แพทย์ปลูกผมได้อย่างรวดเร็วและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการปลูกผมใหม่ได้ดีอีกด้วย
โปรโมชั่นตอนนี้ : ปลูกผมเทคนิค Advance FUI ที่ The Skin Clinic ราคาเริ่มต้น 50,000 บาท ฟรีเซ็ตยากินยาทาให้ 6 เดือน มีรับประกันหลังทำ ดูแลหลังทำนาน 1 ปี และผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน ผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ
เพราะเส้นผมเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเสริมบุคลิกภาพ และเพิ่มความมั่นใจ ดังนั้นใครมีปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือหัวล้านที่ทำให้เสียความมั่นใจอย่ารอช้า รีบปรึกษาแพทย์ปลูกผมก่อนสาย หากสนใจเข้ารับบริการปลูกผม สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ผ่านทาง LINE ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย (ตอบคำถามโดยทีมแพทย์)
READ MORE>>>