เส้นผมสามารถเปลี่ยนสีเองได้
ลักษณะเส้นผมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนเกิดมามีผมเส้นใหญ่ หนา และหยิก บางคนมีผมบาง เห็นหนังหัว เส้นเล็ก และตรง บางคนมีผมเส้นใหญ่ หนา และผมตรง เป็นต้น และสีผมเองก็มีการกำหนดมาตั้งแต่เกิดตามกรรมพันธุ์ คนที่พ่อแม่ผมสีเข้มมีโอกาสที่ผมจะมีสีเข้ม ซึ่งคนเอเชียส่วนใหญ่จะมีผมสีเข้ม แต่เมื่อเวลาผ่านไปสีผมบางคนอาจเปลี่ยนได้ โดยไม่ได้เปลี่ยนเฉดสีไปโดยสมบูรณ์ แต่ปรากฏในรูปของสีผมที่เหลือบสีอื่นขึ้นมา มีสาเหตุได้หลายสาเหตุ ดังต่อไปนี้
6 สาเหตุหลักที่ทำให้ผมเปลี่ยนสีเอง
การที่ผมเปลี่ยนสีเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ ซึ่งปกติไม่ถือว่าอันตรายมาก แต่เป็นสัญญาณเตือนของการขาดการบำรุงได้เช่นกัน หากผมเปลี่ยนสีจึงควรหันมาดูแลผมให้มากขึ้น
1.) ความเครียด
การที่บุคคลรู้สึกเครียดหรือวิตกกังวลเป็นอย่างมาก ส่งผลต่อเส้นผม โดยเส้นผมจะเริ่มหลุดร่วงในภาวะ Telogen Effluvium ซึ่งเป็นช่วง 3 เดือนหลังจากผ่านเหตุการณ์สะเทือนขวัญ ซึ่งมีโอกาสที่ผมจะเปลี่ยนสีในช่วงนี้ด้วย
2.) ความร้อน
การใช้ความร้อนกับเส้นผมทำให้เส้นผมเกิดฟองอากาศภายในมากมาย ซึ่งเป็นสาเหตุให้เส้นผมเปราะและฉีกขาดง่าย ผมที่โดนความร้อนจากอุปกรณ์ประเภทไดรฟ์เป่าผม ที่หนีบผม และอื่น ๆ มีโอกาสที่จะเปลี่ยนเป็นสีแดงจากการเผาไหม้

3.) สารเคมี
การใช้เคมีบนเส้นผมไม่เคยส่งผลดีต่อเส้นผม เพราะเคมีจะเข้าไปกัดกร่อนเส้นผม ทำให้เส้นผมเกิดอาการช็อตฟู และสูญเสียความแข็งแรง กว่าจะฟื้นฟูให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมใช้เวลานาน ผมที่เสียจากการทำเคมีจะมีสีออกน้ำตาลหรือส้ม และบางกว่าเดิม
4) อายุ
แน่นอนว่าเมื่ออายุมากขึ้นสีผมคนจะเริ่มเปลี่ยนสี โดยเริ่มจากสีเทาแล้วจึงเปลี่ยนเป็นผมหงอก ผมหงอกเกิดจากการที่เม็ดสีเมลานินบนเส้นผมเสื่อมประสิทธิภาพลง หรือบางคนอาจเกิดผมหงอกจากอาการแพ้อะไรบางอย่างก็ได้เช่นกัน
5.) อาการป่วยและขาดสารอาหาร
ผมที่เปลี่ยนสีอาจเป็นผลกระทบมาจากอาการป่วย เช่น ผู้ที่ป่วยเป็นโรคโลหิตจาง ซึ่งโรคนี้จะมีธาตุเหล็กในร่างกายน้อย สีผมก็จะซีดลง
6.) การตั้งครรภ์
ในช่วงเวลาตั้งครรภ์เส้นผมจะได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนมาก ทำให้ผมเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ผมสุขภาพดีขึ้น ตรงสวย และสีเข้มขึ้น เมื่อคลอดลูกและฮอร์โมนลดลง ก็จะเกิดอาการผมร่วงหลังคลอดลูกและสีผมก็อาจจะอ่อนลง
การที่ผมมีปัญหามาจากการขาดสารอาหารหรือการบำรุงอย่างใดอย่างหนึ่ง ควรดูแลให้เส้นผมสุขภาพดี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาผมอื่น ๆ ตามมาในภายหลัง แต่หากเส้นผมมีปัญหาหนักมาจนต้องปลูกผม ควรหาคลินิกปลูกผมที่เชื่อถือได้ และปลูกผมได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ปลูกผมที่ The Skin Clinic ดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
การที่ผมเปลี่ยนสีเองเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ก็เป็นสัญญาณเตือนของปัญหาผมได้เช่นกัน ซึ่งปัญหาผมเหล่านี้อาจนำไปสู่การที่ผมร่วงหนักมาก หัวเริ่มล้านบาง การปลูกผมจึงเป็นแนวทางแก้ไขที่ตามมา ซึ่งที่ The Skin Clinic ก็มีวิธีการปลูกผมที่น่าสนใจ ดังนี้
– เทคนิค FUE
การปลูกผมเทคนิค FUE เป็นการปลูกผมที่ได้รับความนิยมมาก ขึ้นชื่อว่าเป็น Celebrity Transplant เพราะสามารถปลูกผมได้โดยไม่ต้องโกนผม ผมที่ปลูกออกมามีความธรรมชาติ รอยแผลเล็ก และใช้เวลาพักฟื้นไม่นานก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
– เทคนิค DHI
การปลูกผมเทคนิค DHI มีความพิเศษที่เข็ม DHI Implanter เป็นเข็มที่มีหัวเข็มขนาดเล็กมาก ทำให้การย้ายกราฟผมทำได้อย่างรวดเร็ว ถนอมเซลล์บริเวณรากผมได้ดียิ่งขึ้น การย้ายรากจึงมีความรวดเร็วและเป็นธรรมชาติสูง แพทย์สามารถกำหนดมุม ทิศทาง และความยาวได้ตามต้องการ
– เทคนิค FUI
การปลูกผมเทคนิค FUI เป็นการผสานเทคนิค FUE และ DHI เข้าด้วยกัน คือปลูกผมโดยไม่ต้องโกนผม และมีอุปกรณ์อย่าง DHI Implanter เป็นตัวช่วย ทำให้ได้ผมที่เป็นธรรมชาติเช่นกัน
ปัญหาเส้นผมไม่ควรมองข้าม แม้จะดูเหมือนเป็นปัญหาเล็ก ๆ เพราะอาจส่งผลต่อสุขภาพของเส้นผมในอนาคต สำหรับคนที่กำลังมองหาแนวทางแก้ไขปัญหาหัวล้าน ผมบาง หัวล้านกลางหัว และอื่น ๆ ปรึกษา The Skin Clinic ได้โดยตรงทาง LINE ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
READ MORE >>