ข้อควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์จมูก สำหรับคนอยากเสริมจมูกแบบไม่ผ่าตัด
หากถามคนส่วนใหญ่ว่าอยากจะทำศัลยกรรมอะไร เชื่อว่าหลายคนคงเลือกทำศัลยกรรมเสริมจมูก เพราะจมูกถือเป็นจุดเด่นบนใบหน้าที่ผู้คนสามารถสังเกตได้ง่าย จมูกที่โด่งสวยช่วยเสริมโหงวเฮ้งใบหน้าและเพิ่มความมั่นใจ เรียกได้ว่าสามารถเปลี่ยนหน้าตาของเราให้ดูดีขึ้น การเสริมจมูกเป็นสิ่งที่หลายคนเริ่มต้นเลือกทำศัลยกรรมบนใบหน้า แต่บางคนก็กลัวเจ็บหรือกลัวการผ่าตัด ดังนั้นวิธีเสริมจมูกอย่างการฉีดฟิลเลอร์จมูกจึงได้รับความนิยม ตอบโจทย์ความต้องการเสริมจมูกโดยไม่ต้องผ่าตัด ทั้งนี้สำหรับใครที่สนใจอยากฉีดฟิลเลอร์ควรศึกษาข้อมูลรายละเอียดก่อนตัดสินใจ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยมากที่สุด ไม่อย่างนั้นอาจจะต้องเสียใจภายหลังได้
ฉีดฟิลเลอร์จมูกคืออะไร อันตรายหรือไม่
จากที่เกริ่นไปข้างต้น หลายคนที่เลือกฉีดฟิลเลอร์จมูก เพราะอยากเสริมจมูกให้โด่งสวยโดยที่ไม่ต้องผ่าตัด แม้ว่าส่วนใหญ่คุณหมอจะแนะนำให้ผ่าตัดเสริมจมูก เนื่องจากให้จมูกที่โด่งสวย และอยู่ได้ยาวนานกว่าการฉีดฟิลเลอร์จมูกที่มีข้อจำกัดไม่อยู่ถาวร แต่หากมีความต้องการฉีดฟิลเลอร์ สิ่งสำคัญที่ควรรู้คือฉีดฟิลเลอร์จมูกเป็นอย่างไร อันตรายหรือไม่ คำตอบคือ ฉีดฟิลเลอร์จมูกเป็นการฉีดสารเติมเต็มกลุ่มไฮยาลูรอนิคแอซิด (Hyaluronic Acid: HA) เลียนแบบคอลลาเจนตามธรรมชาติ นำมาฉีดเข้าไปบริเวณสันจมูกหรือเนื้อจมูก เพื่อปรับรูปทรงของจมูกให้โด่งสวยขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ แก้ไขจมูกเบี้ยว เสริมปลายจมูก โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องกังวลเรื่องซิลิโคนหรือวัสดุที่นำมาใช้เสริมจมูก และฟิลเลอร์ยังสามารถสลายได้เองภายใน 4-6 เดือน แต่ทั้งนี้ผู้ที่ต้องการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมจมูกในอนาคต อาจไม่แนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์จมูก เพราะเกิดมีปัญหาเป็นพังผืดยึดเกาะแท่งซิลิโคน ทำให้ต้องขูดฟิลเลอร์จมูกก่อนวางซิลิโคน
นอกจากนี้อันตรายที่หลายคนเป็นกังวลอย่างมากคือ เคยมีข่าวฉีดฟิลเลอร์จมูกแล้วตาบอด เนื่องจากบริเวณจมูกมีเส้นเลือดที่เชื่อมต่อกับเส้นเลือดบริเวณดวงตา หากได้รับการฉีดฟิลเลอร์จากแพทย์ที่ขาดความรู้หรือไม่เชี่ยวชาญในการฉีด ก็จะเป็นอันตรายอย่างมาก เพราะอาจฉีดถูกเส้นเลือดได้ ทั้งนี้ที่ผ่านมายังมีน้อยรายที่เกิดเคสแบบนี้ และปัจจุบันแพทย์มีความเชี่ยวชาญและมีเทคนิคสมัยใหม่ ทำให้มีความปลอดภัย แก้ไขได้ทันที จึงแทบไม่เกิดอันตรายนั่นเอง

นอกจากนี้ฉีดฟิลเลอร์ปากและร่องแก้มยังได้รับความนิยม
นอกจากการฉีดฟิลเลอร์จมูกแล้ว การฉีดฟิลเลอร์ปากและร่องแก้มยังได้รับความนิยมไม่แพ้กันด้วย เพราะใคร ๆ ก็อยากหน้าเด็กและมีริมฝีปากอวบอิ่มเซ็กซี่ ทั้งนี้มีข้อควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากและร่องแก้มเพื่อให้สวยอย่างปลอดภัยมากที่สุด ดังนี้
ฉีดฟิลเลอร์ปากและร่องแก้มคืออะไร
การฉีดฟิลเลอร์เป็นการฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid: HA) เพื่อเติมเต็มและปรับแก้ไขปัญหาในบริเวณส่วนต่าง ๆ ของใบหน้าให้ดูดีตามที่ต้องการ โดยการฉีดฟิลเลอร์ปาก คือ ฉีดบริเวณริมฝีปากเพื่อปรับรูปปากและเพิ่มเนื้อปากให้อวบอิ่มขึ้น ส่วนการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม คือ ฉีดบริเวณร่องแก้มที่มีปัญหาร่องแก้มลึกและส่งผลให้ดูแก่ เพื่อเติมเต็มร่องแก้มที่ลึกให้ตื้นและดูเต็มขึ้น ช่วยให้หน้าดูอ่อนเยาว์
การฉีดฟิลเลอร์ปากและร่องแก้มดีอย่างไร
ฉีดฟิลเลอร์ปาก ช่วยให้ริมฝีปากอวบอิ่มขึ้น ปรับรูปปากให้เป็นปากทรงกระจับดูเซ็กซี่ แก้ไขปัญหาปากไม่เท่ากัน ยกมุมปากให้ได้รูปปากยิ้ม เติมเต็มร่องริมฝีปากให้ตื้นขึ้นและเพิ่มความชุ่มชื้น ทาลิปสติกได้สวยงามและไม่ตกร่อง

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ช่วยแก้ปัญหาร่องแก้มลึกที่ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย โดยการเติมเต็มให้ร่องแก้มดูตื้นขึ้น ลดเลือนริ้วรอยบริเวณร่องแก้ม ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ เอิบอิ่ม ผ่องใส และไม่โทรม

ฉีดฟิลเลอร์ปากและร่องแก้มเห็นผลทันทีไหม อยู่ได้นานแค่ไหน
สำหรับผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ปากและร่องแก้มจะสามารถเห็นผลได้ทันทีหลังฉีด โดยฟิลเลอร์ปากอยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน ส่วนฟิลเลอร์ร่องแก้มอยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของฟิลเลอร์แต่ละแบรนด์และการดูแลตัวเองหลังฉีด จากนั้นฟิลเลอร์จะสลายได้เองตามธรรมชาติ
ฉีดฟิลเลอร์ปากและร่องแก้มกี่วันจะหายบวม
อาการบวมของการฉีดฟิลเลอร์ปากและร่องแก้มเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ตามปกติจากเข็มและตัวยา โดยฉีดฟิลเลอร์ปากจะหายบวมได้เองภายใน 4-5 วัน ส่วนฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะหายบวมได้เองใน 2-3 วัน หลังจากนั้นฟิลเลอร์จะเริ่มเข้าที่
การเตรียมความพร้อมก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากและร่องแก้ม
ฉีดฟิลเลอร์ปาก
- งดรับประทานยาแอสไพรินหรือยาที่กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด อาหารเสริมวิตามินอี โสม และน้ำมันปลา
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และทำกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ และออกกำลังกายหนัก รวมถึงงดการทำเลเซอร์และทรีทเม้นท์
- หากมีโรคประจำตัวหรือมียาที่รับประทานเป็นประจำ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนฉีด
- ปรึกษาแพทย์เพื่อช่วยประเมินและให้คำแนะนำว่าควรใช้ฟิลเลอร์ชนิดไหน
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
- งดดื่มแอลกอฮอล์และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- งดรับประทานยาแอสไพริน ยาลดการอักเสบกลุ่ม NSAIDs อาหารเสริมวิตามิน
- งดทายาชนิดผลัดเซลล์ผิวและการแว็ก
- ปรึกษาแพทย์เพื่อช่วยประเมินและให้คำแนะนำว่าควรใช้ฟิลเลอร์รุ่นและแบรนด์อะไร
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนฉีดหากมีโรคประจำตัวหรือมียาที่รับประทานเป็นประจำ
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปากและร่องแก้ม
ฉีดฟิลเลอร์ปาก
- ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น
- งดเครื่องแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มร้อน ๆ อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
- งดทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายหนัก ๆ อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
- ห้ามดึงหรือลอกหนังริมฝีปากและหลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณปาก
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
- ควรอยู่ในที่อากาศเย็น ดื่มน้ำให้มาก และหลีกเลี่ยงการถูกแสงแดด
- ห้ามนอนราบหลังการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม 3-4 ชั่วโมง
- งดแต่งหน้าหรือใช้ครีมบำรุงหลังฉีดฟิลเลอร์ 12 ชั่วโมง
- งดการทำเลเซอร์อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดการออกกำลังกายอย่างหนักใน 48 ชั่วโมงแรก
- ห้ามสัมผัสใบหน้าหรือบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
ข้อห้ามในการฉีดฟิลเลอร์ปากและร่องแก้ม หรือฟิลเลอร์อื่น ๆ
- ห้ามฉีดในผู้หญิงตั้งครรภ์
- มีประวัติแพ้ส่วนประกอบของฟิลเลอร์หรือเกิดอาการข้างเคียง
- มีประวัติแพ้ยาชา
- เป็นภาวะเลือดไหลไม่หยุด
- ผิวหนังมีภาวะอักเสบหรือติดเชื้อจากการฉีดฟิลเลอร์
- ในกรณีให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
สรุป ฟิลเลอร์มีประโยชน์ด้านความสวยความงามมากมายจึงทำให้หลายคนนิยมฉีดฟิลเลอร์ นอกจากการฉีดฟิลเลอร์จมูกที่ทำให้จมูกโด่งสวย ยังนิยมฉีดฟิลเลอร์ปากและร่องแก้มเพื่อทำให้ริมฝีปากอวบอิ่มและใบหน้าดูเด็กลง สำหรับผู้สนใจฉีดฟิลเลอร์ปากและร่องแก้ม ทางคลินิก The Skin Clinic ก็มีบริการฉีดฟิลเลอร์ปาก ร่องแก้ม ใต้ตา และหน้าผาก พร้อมโปรโมชั่นสวยได้ในราคาสุดคุ้ม
READ MORE>>>