ฝุ่น PM 2.5 เสี่ยงปัญหาสุขภาพและความงามบนใบหน้า
ฝุ่นละอองในบรรยากาศ ถือเป็นปัญหามลพิษทางอากาศที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะฝุ่นละออง PM 2.5 ที่สามารถแพร่กระจายเข้าสู่ทางเดินหายใจ กระแสเลือด และแทรกซึมสู่กระบวนการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าฝุ่นละออง PM 2.5 ร้ายแรงและส่งผลกระทบต่อสุขภาพหากมีการสูดดมหรือสะสมเป็นระยะเวลานาน
โดยองค์กรอนามัยโลก (WHO) ตั้งค่าเฉลี่ยฝุ่นละออง PM 2.5 ในอากาศว่าหากมีเกินกว่า 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร นั่นหมายความว่ามีความรุนแรงและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ สามารถพบความหนาแน่นได้ที่บริเวณริมถนน พื้นที่การจราจรและรอบสถานที่ก่อสร้าง ควรหลีกเลี่ยงพื้นที่ดังกล่าวและระวังภัยร้ายจากฝุ่นที่ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจและปอดโดยตรง วันนี้เรามีข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับฝุ่นละออง PM 2.5 ภัยเงียบที่สามารถทำสุขภาพพังได้แบบไม่รู้ตัวมาฝาก โดยมีรายละเอียดดังนี้
PM2.5 คืออะไร?
ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 คือฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน มีขนาดประมาณ 1 ใน 25 ส่วนของเส้นผ่านศูนย์กลางเส้นผมมนุษย์ ลักษณะเล็กจนขนจมูกของมนุษย์ไม่สามารถกรองได้ สามารถแพร่กระจายเข้าสู่ทางเดินหายใจ กระแสเลือด และเข้าสู่อวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย อีกทั้งตัวฝุ่นยังเป็นพาหะนำสารอันตรายเข้ามา เช่น แคดเมียม ปรอท โลหะ และสารก่อมะเร็งอื่น ๆ
สาเหตุที่ทำให้เกิดฝุ่น PM2.5
- แหล่งกำเนิดโดยตรง ได้แก่ การเผาในที่โล่ง การผลิตไฟฟ้า การคมนาคมขนส่ง และอุตสาหกรรมการผลิต เป็นต้น
- การรวมตัวของก๊าซอื่น ๆ ในบรรยากาศ อาทิ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) และไนโตรเจนออกไซด์(NOx) รวมทั้งสารพิษอื่น ๆ ล้วนเป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ เช่น แคดเมียม (Cd) สารปรอท (Hg) อาร์เซนิก (As) หรือโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (PAHs)
ฝุ่น PM2.5 อันตรายและผลกระทบต่อสุขภาพ
หากร่างกายได้รับฝุ่น PM2.5 ติดต่อกันเป็นเวลานานหรือสะสมในร่างกาย อาจก่อให้เกิดอาการผิดปกติของร่างกายต่าง ๆ โดยแบ่งได้เป็นผลกระทบทางร่างกายและผลกระทบทางผิวหนัง ดังนี้
ผลกระทบทางสุขภาพ
- เกิดอาการแสบจมูก คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ แน่นหน้าอก และภูมิแพ้กำเริบ
- เกิดอาการแสบเคืองตา ตาแดง น้ำตาไหล
- เกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจเรื้อรัง เกิดโรคปอดเรื้อรัง หรือมะเร็งปอด
- ผู้ที่มีโรคภูมิแพ้ฝุ่นเมื่อได้รับฝุ่น PM 2.5 จะยิ่งถูกกระตุ้นให้เกิดอาการมากยิ่งขึ้น
- เกิดโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง
ผลกระทบทางผิวหนัง
- ผื่นคันตามตัว
- ปวดแสบปวดร้อน
- ทำร้ายเซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวอ่อนแอ เหี่ยวย่นง่าย
- อาการระคายเคือง เป็นลมพิษบริเวณใบหน้า ข้อพับ ขาหนีบ

ผลกระทบด้านสุขภาพสำหรับผู้มีโรคประจำตัว
ฝุ่น PM 2.5 ส่งผลกระทบต่อผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินหายใจ อาทิ โรคหอบหืด โรคปอด และโรคภูมิแพ้โพรงจมูกอักเสบ เป็นต้น หากได้รับฝุ่นจำนวนมากอาการที่เป็นอยู่อาจทรุดลงได้ ดังนั้นผู้ที่มีโรคประจำตัวควรระวังตัวเป็นพิเศษ โดยอาการจะแสดงออกตามความหนาแน่นของฝุ่น (Air Quality Index หรือ AQI) ดังนี้
1. ระดับความหนาแน่นของฝุ่น 51 – 100 ผู้ป่วยจะมีอาการไอ จาม หายใจลำบาก
2. ระดับความหนาแน่นของฝุ่น 101 – 150 ผู้ป่วยจะเริ่มมีน้ำมูก หายใจหอบ แน่นหน้าอก
3. ระดับความหนาแน่นของฝุ่น 151 ขึ้นไป ผู้ป่วยจะมีอาการแพ้ ผื่นแดง ตาแดง
การดูแลตัวเองท่ามกลางฝุ่น PM 2.5
ใส่หน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐาน
การใส่หน้ากากอนามัยที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่น PM 2.5 เช่น หน้ากากอนามัย N95 หน้ากากอนามัยฟอกอากาศ Puricare ช่วยในการป้องกันฝุ่นละอองได้ดี
ปลูกต้นไม้ฟอกอากาศ
ต้นไม้ฟอกอากาศช่วยกรองอากาศและดูดซับสารพิษในอากาศ อาทิ ต้นมอนสเตอร่า ต้นพลูด่าง ต้นลิ้นมังกร ยางอินเดีย เป็นต้น ทำให้ระบบทางเดินหายใจทำงานได้ดีขึ้น
เครื่องฟอกอากาศ
เครื่องฟอกอากาศภายในบ้านออกแบบมาให้ดักจับฝุ่นขนาดเล็กที่อยู่ในอากาศให้ตกลงสู่พื้น และไม่ลอยเข้าสู่ทางเดินหายใจของมนุษย์ อีกทั้งยังช่วยดูดกลิ่นไม่พึ่งประสงค์ ฆ่าเชื้อโรค ทำให้อากาศรอบกายบริสุทธิ์
ยารักษาภูมิแพ้
ผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจควรมียารักษาภูมิแพ้ติดตัว ช่วยบรรเทาอาการแพ้ไม่ให้รุนแรง รวมถึงผู้ที่มีแนวโน้มแพ้หรือเป็นภูมิแพ้ควรพกยาแก้ภูมิแพ้ด้วยทุกครั้ง
สร้างภูมิคุ้มกันให้ตนเอง
การสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเองสามารถทำได้ง่าย ๆ อาทิ การออกกำลังกาย การพักผ่อนให้เพียงพอ การรับประทานวิตามินซี ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีลดอาการเจ็บป่วยหรืออาการแพ้รุนแรง
ฝุ่น PM 2.5 พรากความงามไปจากใบหน้า
ฝุ่น PM 2.5 ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพทั้งผู้ที่มีโรคประจำตัวและไม่มีโรคประจำตัว สามารถส่งผลกระทบได้กับทุกเพศทุกวัย นอกจากนี้ฝุ่น PM 2.5 ยังพรากความงามไปจากใบหน้าได้ในเรื่องของริ้วรอย สิว จุดด่างดำ ความหย่อนยานของผิว รวมถึงอาการแพ้และระคายเคืองผิวหน้า เนื่องจากอนุภาคของฝุ่นจะแทรกผ่านเข้าผิวหนังแล้วทำลายเซลล์ผิวโดยตรง แนวทางในการแก้ไขปัญหา คือ เสริมความงามด้วยวิธีการต่าง ๆ อาทิ การทําทรีทเม้นท์หน้า สครับผิว ฉีดเมโสหน้าใส และเลเซอร์ลดริ้วรอย ยกกระชับผิวหน้า เป็นต้น

แนะนำเลเซอร์ Micro-needle RF ที่ The Skin Clinic
เลเซอร์ Micro-needle RF ลดริ้วรอย หลุมสิว เป็นการเลเซอร์แบบใช้หัวเข็มนาโนขนาดเล็กมาก แทงทะลุผ่านชั้นผิวหนังกำพร้าเข้าไปที่ชั้นหนังแท้ ทำให้ไม่เกิดรอยดำหลังทำ และคลื่น RF ยังมีอำนาจการทะลุทะลวงเจาะเข้าไปถึงชั้นผิวหนังแท้ได้ค่อนข้างกว้าง จึงช่วยกระตุ้นคอลลาเจน Collagen, Elastin และ Hyaluronic acid ได้ดี ช่วยให้รอยหลุมตื้นขึ้น รูขุมขนกระชับ ริ้วรอยลดลง หน้ากระชับ อวบอิ่ม เหมาะสำหรับผิวทุกประเภทและทุกสีผิว การรักษาไม่เจ็บปวดและไม่มีภาวะแทรกซ้อน
ณ ตอนนี้มีโปรโมชั่นที่น่าสนใจ เลเซอร์ Micro-needle RF พิเศษ 3 ครั้ง เพียง 9,999 บาท ฟรี Vitamin บำรุงผิวหน้าหลังทำ
