ช่องคลอดเป็นกรดหรือด่างแบบไหนดีกว่ากัน?
เราทุกคนล้วนให้ความสำคัญกับสุขภาพทั้งสุขภาพกาย สุขภาพใจ ไม่เว้นแม้แต่ “สุขภาพช่องคลอด” ส่วนเล็ก ๆ ในร่างกายของผู้หญิงที่มีความสำคัญไม่แพ้ส่วนอื่น ๆ แต่แม้หญิงสาวทุกคนต่างรู้ดีว่าช่องคลอดและจุดซ่อนเร้นเป็นสิ่งสำคัญ แต่มีคนจำนวนไม่น้อยที่ละเลยและมองข้ามอยู่บ่อย ๆ ซึ่งนอกจากเรื่องช่องคลอดกระชับและรูปลักษณ์ภายนอกช่องคลอดแล้ว ด้วยความที่ช่องคลอดเป็นส่วนที่บอบบาง ร่างกายจึงต้องมีการผลิตเกราะป้องกัน pH ขึ้นมาเพื่อช่วยคงความสมดุลในช่องคลอด วันนี้ The Skin Clinic ชวนสาว ๆ มาทำความเข้าใจช่องคลอด กรด ด่างสำคัญอย่างไร? เพื่อให้คุณผู้หญิงใส่ใจและดูแลได้อย่างเหมาะสม
กรด – ด่างมากเกินไป อาจเสี่ยงปัญหาช่องคลอดผิดปกติ
โดยปกติแล้วช่องคลอดของสาว ๆ ทุกคน จะมีค่ากรด – ด่าง ที่เกิดจากแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์จำนวนมาก ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ป้องกันการติดเชื้อและช่วยเพิ่มน้ำหล่อลื่นลดปัญหาช่องคลอดแห้ง นอกจากนี้ความสมดุลของระดับ pH ยังช่วยสร้างเกาะป้องกันแบคทีเรียและยีสต์ที่ไม่ดีต่อสุขภาพได้อีกด้วย ซึ่งช่องคลอดที่ปกติควรมีค่ากรดอ่อน ๆ อยู่ระหว่าง pH3.8 – 4.5 แต่เมื่อไหร่ที่น้องสาวมีค่าเป็นด่าง pH สูงขึ้น มักส่งผลทำให้ระบบภายในอ่อนแอและเกิดภาวะช่องคลอดอักเสบ รวมไปถึงการที่ช่องคลอดมีค่า pH สูงกว่า 4.5 มักมีความเสี่ยงต่อปัญหาช่องคลอดติดเชื้อ เพราะ pH ระดับนี้ถือว่าเป็นสภาพวดล้อมที่ทำให้เชื้อแบคทีเรียเติบโตได้เร็ว ไม่ดีต่อสุขภาพ ที่สำคัญหากช่องคลอดเกิดความไม่สมดุลระหว่างกรดและด่าง ยังตามมาด้วยปัญหา ดังนี้
– ช่องคลอดเปรี้ยว มีกลิ่นเหม็นคาว
– ตกขาวผิดปกติ มีกลิ่น หรือมีสีเพี้ยนไปจากเดิม เช่น สีเทา สีเขียว สีเหลือง
– มีอาการคันในช่องคลอด เสียสุขภาพจิตและเสียบุคลิกภาพ
– รู้สึกแสบร้อนเมื่อปัสสาวะ

เคล็ดลับรักษาสมดุลค่า pH ในช่องคลอด ลดกลิ่นเหม็น
หากสาว ๆ คนไหนกังวลว่าค่า pH ในช่องคลอดของตัวเองจะไม่สมดุล สามารถสังเกตการเปลี่ยนแปลงของตกขาว สี และกลิ่นได้ง่าย ๆ หรือขณะมีเพศสัมพันธ์รู้สึกว่าน้ำหล่อลื่นน้อย มีอาการคัน หรือเจ็บแสบ คุณสาว ๆ สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ด้วยตัวเอง ดังนี้
ไม่สวนล้างช่องคลอด
สิ่งสำคัญที่ทำให้ช่องคลอดขาดความสมดุลมากที่สุด คือพฤติกรรมการสวนล้างช่องคลอด ที่หลายคนมักเข้าใจผิดคิดว่าการสวนล้างจะช่วยให้ช่องคลอดสะอาดขึ้น ทั้งที่ความเป็นจริงเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องตรงข้าม เพราะการสวนล้างเข้าไป มักทำให้ความสมดุลของแบคทีเรียที่ดีในช่องคลอดเกิดการเปลี่ยนแปลง อันตราย เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย ดังนั้นทำความสะอาดด้านนอกเพื่อลดกลิ่นอับก็เพียงพอแล้ว
เลือกกินอาหารบำรุงช่องคลอด
โดยเฉพาะอาหารกลุ่มโปรไบโอติกส์ที่ทำหน้าที่ลดกรดในช่องคลอด และรักษาความสมดุลของค่า pH เช่น โยเกิร์ต กิมจิ กะหล่ำปลีดอง ซุปมิโซะ ฯลฯ มีคุณสมบัติช่วยต่อสู้กับแบคทีเรียที่ไม่ดีต่อสุขภาพได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีน้ำตาลสูง เพราะน้ำตาลเป็นตัวการกระตุ้นยีสต์ในช่องคลอดให้เติบโตมากเกินไป ท้ายที่สุดมักตามมาด้วยกลิ่นน้องสาวที่ทำให้เสียความมั่นใจ
หลีกเลี่ยงการใส่แผ่นอนามัยตลอดเวลา
ผู้หญิงหลายคนเข้าใจผิด คิดว่าการใส่ผ้าอนามัยตลอดเวลา (ใส่ตอนที่ไม่ได้เป็นประจำเดือน) จะช่วยดูดซับความอับชื้นระหว่างวันได้ แต่จริง ๆ แล้ววิธีนี้เป็นการเพิ่มความอับชื้นเสียมากกว่า เนื่องจากช่องคลอดและน้องสาวไม่ได้รับการระบายอากาศระหว่างวันเท่าที่ควร นอกจากนี้ในช่วงรอบเดือนก็จำเป็นต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อย ๆ 2 – 3 ครั้งต่อวัน เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคไหลย้อนเข้าไปในช่องคลอด
เลือกใส่กางเกงในที่เหมาะสม
แนะนำเลือกสวมกางเกงในที่ระบายอากาศได้ดี ไม่เก็บความชื้น และไม่เสี่ยงต่ออาการระคายเคือง โดยเฉพาะกางเกงในที่ทำจากผ้าฝ้าย มีคุณสมบัติระบายอากาศ ดูดซับความชื้นส่วนเกิน และที่สำคัญต้องสวมกางเกงในที่พอดีตัว ไม่คับเกินไป เพราะอาจทำให้น้องสาวอึดอัด ระคายเคืองได้
ดูแลน้องสาวด้วยเลเซอร์กระชับช่องคลอด
การกระชับช่องคลอดด้วยเครื่อง INDIBA ไม่เพียงแต่ช่วยเรื่องการกระชับช่องคลอดเท่านั้น แต่พลังงานคลื่นความร้อน (Radio Frequency) ที่ลงลึกได้ถึงเนื้อเยื่อ ยังช่วยให้เซลล์ต่าง ๆ ในช่องคลอดเกิดการซ่อมแซมตัวเอง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพิ่มน้ำหล่อลื่น และลดกลิ่นเหม็นช่องคลอดได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญยังเป็นนวัตกรรมการรักษาที่ไม่ต้องพักฟื้น หลังการทำสามารถใช้ชีวิตและร่วมกิจกรรมรักได้ตามปกติ
ทั้งหมดนี้เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้คุณสามารถปรับค่ากรด – ด่างในช่องคลอดให้อยู่ในระดับปกติ หากคุณทำตามรับรองว่าช่วยให้คุณโบกมือลาปัญหาน้องสาวกวนใจได้แน่นอน ซึ่งนอกจากการใช้วิธีธรรมชาติแล้ว แนะนำให้เข้ารับบริการดูแลน้องสาว เลเซอร์กระชับช่องคลอด เพื่อเป็นการดูแลปัญหาภายในช่องคลอดได้อย่างสมบูรณ์และปลอดภัย
READ MORE>>>