ดูดไขมันส่วนเกิน หุ่นสวย กระชับ ไร้แผลเย็บ
ปัจจุบันการดำเนินชีวิตในสังคมยุคใหม่ที่ต้องเร่งรีบอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้พฤติกรรมการใช้ชีวิตในสังคมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ผู้คนเริ่มใส่ใจร่างกายของตัวเองลดน้อยลง และให้ความสำคัญกับสิ่งที่อยู่รอบตัวมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงานหรือการเข้าสังคม จนลืมไปว่าร่างกายที่ใช้งานตลอดเวลาสามารถอ่อนล้าและหมดแรงได้เหมือนกัน บางคนมองข้ามการดูแลตัวเองในเรื่องของการพักผ่อนและออกกำลังกาย สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพในอนาคต และยังเป็นจุดเริ่มต้นของความเสี่ยงที่จะเกิดโรคต่าง ๆ
โดยเฉพาะไขมันส่วนเกินที่สะสมบริเวณต่าง ๆ ในร่างกาย อาทิ ต้นแขน ต้น ขา สะโพก หน้าท้อง เป็นต้น หากปล่อยไว้ไม่ดูแลตัวเองไขมันไม่ดีเหล่านี้สร้างปัญหาให้คุณในอนาคตอย่างแน่นอน ไม่ใช่เพียงรูปร่างไม่สวยงาม โรคอ้วนถามหา แต่ยังทำให้คุณขาดความมั่นใจในตัวเองที่จะสวมใส่เสื้อผ้าสวย ๆ หรือโชว์หุ่น ดังนั้นวิธีที่ช่วยให้คุณกำจัดไขมันเหล่านี้ได้ดีและรวดเร็วที่สุด คือ การดูดไขมัน

การดูดไขมันคืออะไร
การดูดไขมัน (Liposuction) ถือเป็นศัลยกรรมประเภทหนึ่ง ทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการผ่าตัดไม่สามารถทำเองได้ ใช้เครื่องมือที่มีลักษณะคล้ายท่อยาวใส่เข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อดูดไขมันส่วนเกินออกมาจากบริเวณต่าง ๆ อาทิ หน้าท้อง สะโพก ต้นขา ต้นแขน คอ ก้น เป็นต้น นับว่าเป็นทางลัดในการลดสัดส่วนรูปแบบหนึ่งที่มีความปลอดภัย และเห็นผลชัดเจนมากหลังทำ ช่วยให้สัดส่วนในบริเวณนั้น ๆ มีขนาดเล็กลง รูปร่างสมส่วน และดูสวยงามมากขึ้น ที่สำคัญการดูดไขมันไม่สามารถดูดปริมาณมาก ๆ ในครั้งเดียวกัน เพราะอาจมีความเสี่ยงในการเสียเลือดมาก
ดูดไขมันส่วนไหนออกได้บ้าง?
ในร่างกายคนเราจะมีไขมันสะสมอยู่ตามจุดต่าง ๆ หน้าท้อง สะโพก ต้นขา ต้นแขน ก้น เป็นต้น ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ
- ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง (Subcutaneous Fat)
- ไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat)
- ไขมันที่แทรกตามกล้ามเนื้อ
- ไขมันในหลอดเลือด
สำหรับไขมันบริเวณหน้าท้องแบ่งออก 2 แบบ คือ ไขมันใต้ชั้นผิวหนังและไขมันในช่องท้อง คนอ้วนส่วนใหญ่ มักมีการสะสมของไขมันทั้งสองชนิดนี้ ส่งผลต่อความสวยงามของรูปร่างเป็นหลัก ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อสุขภาพ วิธีที่กำจัดไขมันหน้าท้องที่ดีที่สุด คือ การดูดไขมันหน้าท้อง โดยมีชั้นไขมันที่สามารถดูดได้และดูดไม่ได้
ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง
- สามารถดูดไขมันออกได้
- ไม่ส่งผลต่อสุขภาพ
- ไม่ทำให้เกิดโรค
- ทำให้รูปร่างดูใหญ่ขึ้น
ไขมันในช่องท้อง
- ไม่สามารถดูดออกได้
- ส่งผลต่อสุขภาพ
- ทำให้เกิดโรค
- ไม่ส่งผลกับความสวยงามของรูปร่าง
- หากต้องการลดต้องออกกำลังกาย ปรับพฤติกรรมการกิน หรือสร้างการเผาผลาญจากภายใน

การดูดไขมันเหมาะกับใคร
- ผู้ที่ไม่ได้อ้วนทั้งตัวและการสะสมของไขมันเฉพาะที่
- ผู้ที่ไม่ได้มีน้ำหนักเกินปกติมาก
- ไขมันสะสมและลดลงไม่ได้ด้วยการออกกำลังกายและควบคุมอาหาร
- ผู้ที่มีผิวหนังยืดหยุ่นดีหลังจากดูดไขมันผิวจะเรียบ
การเตรียมตัวก่อนดูดไขมัน
- แจ้งข้อมูลสุขภาพกับแพทย์อย่างละเอียด อาทิ ปัญหาสุขภาพ โรคร้ายแรง / โรคประจำตัว ประวัติการผ่าตัด และการได้ยาระงับความรู้สึก
- กรณีมีภาวะเสี่ยงหรือโรคประจำตัวจะมีการเตรียมพร้อมร่างกายสำหรับการผ่าตัดและวางยาสลบ อาทิ การเอกซเรย์ตรวจเลือด ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านอายุรกรรม
- งดใช้ยา ยาบำรุง สมุนไพรบางชนิดที่อาจมีผลกับการผ่าตัด ก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 7 วัน
- อาบน้ำชำระร่างกายและสระผมให้สะอาด
- ห้ามทาเล็บ
- กรณีดมยาสลบงดน้ำและอาหารก่อนผ่าตัดตามแพทย์สั่ง
- สวมใส่เสื้อผ้าหลวมเพื่อให้สวมสะดวกในวันผ่าตัดและไม่ถูกแผลขณะถอดเปลี่ยนเสื้อผ้า
- สำหรับผู้หญิงควรหลีกเลี่ยงช่วงมีประจำเดือน
การดูแลหลังดูดไขมัน
- หลังผ่าตัดภายใน 24 – 48 ชั่วโมง จะรู้สึกปวดแสบปวดร้อน บวม และมีรอยเขียวช้ำที่ผิวหนังบริเวณผ่าตัด ควรรับประทานยาบรรเทาอาการปวดและประคบเย็นหลังผ่าตัด
- ประมาณ 1 เดือน ควรใช้ผ้ายืดพันรัดหรือชุดรัดรูปเพื่อการกระชับในบริเวณที่ทำการรักษา
- ประมาณวันที่ 3 หลังผ่าตัด หากแผลแห้งดีไม่มีอาการปวด บวม แดง ร้อนที่แผล สามารถอาบน้ำได้
- แพทย์นัดตัดไหมเมื่อครบ 1 สัปดาห์ ห้ามทายาป้องกันการเกิดแผลเป็นนูน
- หลังการรักษา 1 เดือน ควรงดออกกำลังกาย
- ควรควบคุมอาหารและออกกำลังกายสม่ำเสมอ
ความเสี่ยงที่อาจพบจากการดูดไขมัน
- ผิวไม่เรียบเนียนมีลักษณะคล้ายคลื่น
- ชาบริเวณแผลผ่าตัด
- ภาวะแทรกซ้อนจากการนำไขมันออกปริมาณมากเกินไป
- ปวดแผล
- ติดเชื้อหรือมีภาวะเลือดออกที่แผลผ่าตัด
- มีการสะสมของของเหลว เป็นถุงใต้ผิวหนัง
ข้อห้ามในการดูดไขมัน
การดูดไขมันเป็นหนึ่งในกระบวนการผ่าตัด ผู้เข้ารับการดูดไขมันต้องเป็นผู้ที่มีสุขภาพดี อย่างน้อยต้องมีน้ำหนักตัวใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ และมีผิวหนังที่เด้งกระชับ ไม่สูบบุหรี่ โดยแพทย์จะไม่แนะนำให้ดูดไขมัน หากมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ อาทิ โรคหัวใจ โรคเบาหวาน การไหลเวียนโลหิต หรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง

ดูดไขมันพักฟื้นกี่วัน
ระยะเวลาในการพักฟื้นหลังดูดไขมัน โดยส่วนใหญ่ผู้ที่เข้ารับการดูดไขมันสามารถกลับมาทำงานได้ภายในไม่กี่วัน และทำกิจกรรมหรือใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติภายใน 2 สัปดาห์ ซึ่งระยะเวลาจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
แนะนำดูดไขมัน ที่ The Skin Clinic
ถึงแม้การดูดไขมันจะเป็นทางลัดในการลดสัดส่วนที่รวดเร็ว มีความปลอดภัยและเห็นผลชัดเจนมากหลังทำ ผู้ที่ผ่านการดูดไขมันจำเป็นต้องออกกำลังกายให้กล้ามเนื้อกระชับและควบคุมอาหาร เพื่อรักษาผลลัพธ์ที่ได้ให้นานที่สุด อีกทั้งการดูดไขมันจะได้ผลดีที่สุดในกรณีที่ไม่มีผิวหนังหย่อนคล้อย ดังนั้นควรดูดไขมันร่วมกับการศัลยกรรมยกกระชับหน้าท้อง
สำหรับผู้ที่สนใจ หรือกำลังประสบปัญหาไขมันส่วนเกินในร่างสะสมเป็นจำนวนมาก ไม่อยากเจ็บตัว ไม่อยากพักฟื้นนาน แผลหายไว แนะนำ ดูดไขมัน เริ่มต้นเพียงจุดละ 12,500 บาท ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในการดูดไขมันกระชับสัดส่วน (สงวนสิทธิ์ สำหรับผู้ที่ลงทะเบียน เท่านั้น) ด้วยการดูดไขมันเฉพาะส่วนด้วยเครื่อง Quadrostar (Laser lipolysis) โดยไม่ต้องพักฟื้น กระชับผิวในบริเวณที่ทำการรักษามากกว่าเมื่อเทียบกับการดูดไขมันแบบปกติ รับประกันความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีคุณภาพจากประเทศเยอรมันที่องค์กรอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริการับรองแล้วว่ามีความปลอดภัยสูง หลังทำขนาดแผลเล็กมาก สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติ ที่ The Skin Clinic

READ MORE>>>